ฮอร์โมนรวน เรื่องลูกหาย? 9tum จัดให้! ไขปัญหาภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลกับการมีบุตรยาก

ฮอร์โมนรวน เรื่องลูกหาย? 9tum จัดให้! ไขปัญหาภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลกับการมีบุตรยาก

ทำไมฮอร์โมนถึงสำคัญกับการมีลูก? (หรือทำไมโลกถึงสร้างปัญหานี้มาให้เราอีกแล้ว)

เอาล่ะ มาดูกันว่าทำไมไอ้เจ้าฮอร์โมนบ้าบอคอแตกนี่ ถึงมีผลกับการมีลูกของพวกคุณนักหนา (เหมือนจะบอกว่าชีวิตมันง่ายอยู่แล้ว ต้องมีเรื่องอื่นมาให้ปวดหัวอีก) เข้าใจง่ายๆ เลยนะ ร่างกายผู้หญิงเราเนี่ย เหมือนวงออร์เคสตรา มีเครื่องดนตรีหลายชิ้น ทุกชิ้นต้องเล่นให้เข้าจังหวะ เพื่อให้เพลงออกมาไพเราะ ซึ่งฮอร์โมนนี่แหละ คือวาทยกร ที่คุมทุกอย่างให้มันเป๊ะ ตั้งแต่ประจำเดือนมา มายังไง ไข่ตกตอนไหน จะท้องเมื่อไหร่ ถ้าวาทยกรคนนี้หลับใน หรือเล่นมั่วซั่วไปหมด เพลงที่ว่าก็จะกลายเป็นเสียงรบกวนไปเลยนะจ๊ะ


ฮอร์โมนหลักๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการเจริญพันธุ์ของเพศหญิง ก็จะมี Estrogen (เอสโตรเจน) ที่ช่วยเรื่องการพัฒนาของมดลูก รังไข่ และเต้านม, Progesterone (โปรเจสเตอโรน) ที่เตรียมผนังมดลูกให้พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน, FSH (Follicle-Stimulating Hormone) ที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของไข่ในรังไข่, LH (Luteinizing Hormone) ที่กระตุ้นให้ไข่สุกและตก, และฮอร์โมนอื่นๆ อีกเพียบที่ทำงานประสานกันอย่างซับซ้อน ถ้าตัวใดตัวหนึ่งรวน ก็มีสิทธิ์ที่กระบวนการทั้งหมดจะสะดุดได้ทั้งนั้นแหละ

สัญญาณเตือนที่บอกว่าฮอร์โมนคุณอาจกำลังประท้วง (และพาเรื่องลูกยากมาให้)

จะรู้ได้ไงว่าเรากำลังอยู่ในโหมดฮอร์โมนเพี้ยน? ก็สังเกตอาการตัวเองสิคะ ไม่ใช่ปล่อยให้ร่างกายพังไปเรื่อยๆ แล้วมาโวยวายทีหลัง อาการที่พบบ่อยๆ ที่บ่งบอกว่าระบบฮอร์โมนของคุณอาจกำลังมีปัญหา ก็เช่น:

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ: มาช้า มาเร็ว มาน้อย มามาก ผิดเดือนไปเลย หรือบางทีก็หายไปเลยพวกนี้คือสัญญาณคลาสสิก
  • อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ที่รุนแรงผิดปกติ: หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ปวดท้อง ปวดหัว สิวขึ้น หน้าบวม น้ำหนักขึ้นแบบที่เกินรับไหว
  • การเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณและเส้นผม: สิวเห่อแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ผมร่วงผิดปกติ ผิวแห้งกร้าน หรือผิวมันเยิ้ม
  • การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล หรือซึมเศร้าแบบหาสาเหตุไม่ได้
  • ความผิดปกติของน้ำหนักตัว: น้ำหนักขึ้นง่าย ทั้งที่กินเท่าเดิม หรือลดน้ำหนักยากมาก
  • อาการอื่นๆ: เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง นอนไม่หลับ หรือความต้องการทางเพศเปลี่ยนแปลงไป

ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้หลายข้อต่อเนื่องกัน ก็อย่าชะล่าใจนะจ๊ะ เพราะมันอาจเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายกำลังส่งเสียงเตือนให้คุณหันมาดูแลเรื่องฮอร์โมนบ้างแล้ว ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนยากจะแก้ไข

สาเหตุหลักที่ทำให้ฮอร์โมนของคุณไม่สมดุล (ชีวิตคนเรามันก็มีเรื่องให้เครียดตลอดแหละ)

แน่นอนว่าชีวิตคนเรามันไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลา สาเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนรวนมีเยอะแยะไปหมด ลองมาดูกันว่าคุณเข้าข่ายข้อไหนบ้าง:

  • ความเครียดเรื้อรัง: นี่คือตัวการสำคัญอันดับต้นๆ เลยนะจ๊ะ เวลาเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาเยอะ ซึ่งมันจะไปรบกวนสมดุลฮอร์โมนอื่นๆ ทำให้วงจรประจำเดือนรวน ไข่ไม่ตก หรือมีปัญหาในการตั้งครรภ์ได้
  • การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม: กินอาหารแปรรูปเยอะๆ น้ำตาลเยอะๆ ไขมันทรานส์เยอะๆ หรือขาดสารอาหารที่จำเป็น ก็ส่งผลต่อการผลิตและการทำงานของฮอร์โมนได้
  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ: ร่างกายต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อซ่อมแซมตัวเอง รวมถึงการปรับสมดุลฮอร์โมนด้วย ถ้าคุณนอนดึก ตื่นเช้า หรือนอนไม่หลับ ก็เหมือนให้พนักงานบริษัทมาทำงานโดยไม่ได้พัก มันก็ต้องมีเอ๋อบ้างแหละ
  • น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป: การมีน้ำหนักตัวที่อ้วนเกินไป หรือผอมเกินไป ก็ส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนเพศได้ เพราะเซลล์ไขมันมีบทบาทในการผลิตฮอร์โมน
  • การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป: ใช่แล้ว ออกกำลังกายมากไปก็ไม่ดีนะจ๊ะ ร่างกายจะมองว่าอยู่ในภาวะเครียด และอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS - Polycystic Ovary Syndrome): อันนี้เป็นสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้มีบุตรยาก เพราะฮอร์โมนไม่สมดุลอย่างรุนแรง ทำให้ไข่ไม่ตก หรือตกน้อย มีถุงน้ำเล็กๆ จำนวนมากในรังไข่
  • โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่ออื่นๆ: เช่น โรคไทรอยด์ ปัญหาต่อมหมวกไต หรือเนื้องอกบางชนิด ก็สามารถส่งผลกระทบต่อสมดุลฮอร์โมนได้
  • อายุที่มากขึ้น: อันนี้ก็เป็นปัจจัยที่เลี่ยงไม่ได้นะจ๊ะ เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตฮอร์โมนก็จะค่อยๆ ลดลง
  • การสัมผัสสารเคมีในสิ่งแวดล้อม: สารเคมีบางชนิดที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน อาจมีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนของเราได้ (เหมือนพวก Endocrine Disruptors อะไรพวกนั้นแหละ)

ปรับฮอร์โมนให้ลงตัวเพื่อเป้าหมายที่รอคอย (ไม่ต้องไปดูดวง แค่ทำตามนี้)

โอเค เมื่อรู้สาเหตุแล้ว ทีนี้ก็มาถึงวิธีแก้กันบ้าง อย่าเพิ่งท้อแท้ไป เพราะหลายๆ อย่างเราสามารถจัดการได้เอง เพียงแค่ต้องมีความตั้งใจและวินัยหน่อยเท่านั้นเอง

การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต (Lifestyle Modifications):

  • จัดการความเครียด: อันดับแรกเลยนะ ฝึกสมาธิ โยคะ หายใจลึกๆ หากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ หรือถ้าเครียดมากจนเกินไป ก็ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดู
  • ปรับการกิน: เน้นอาหารธรรมชาติ ไม่แปรรูป ลดน้ำตาล ขนมหวาน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน เลือกทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนดีๆ และไขมันดีๆ
  • นอนหลับให้เพียงพอ: ตั้งเป้าหมายนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน สร้างบรรยากาศห้องนอนให้น่านอน และพยายามเข้านอนให้เป็นเวลา
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่พอดี: ไม่หักโหมเกินไป เน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือเวทเทรนนิ่งที่เหมาะสม
  • ควบคุมน้ำหนัก: หากมีน้ำหนักเกิน ควรค่อยๆ ลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ถูกต้อง หรือหากผอมเกินไป ก็ควรเพิ่มน้ำหนักด้วยอาหารที่มีประโยชน์

การรักษาทางการแพทย์ (Medical Treatments):

ถ้าการปรับวิถีชีวิตอย่างเดียวไม่เพียงพอ หรือมีภาวะที่ซับซ้อน แพทย์อาจพิจารณาการรักษาอื่นๆ ดังนี้

  • ยาปรับฮอร์โมน: เช่น ยาคุมกำเนิด (ในบางกรณี) เพื่อปรับรอบประจำเดือน หรือยาอื่นๆ ที่ช่วยกระตุ้นการตกไข่
  • การรักษาภาวะ PCOS: อาจรวมถึงยา Metformin, ยาคุมกำเนิด, หรือยาอื่นๆ ที่แพทย์พิจารณา
  • การรักษาภาวะไทรอยด์ หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: หากตรวจพบว่ามีสาเหตุจากโรคเหล่านี้ ก็ต้องรักษาที่ต้นเหตุ
  • การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF): ในกรณีที่มีภาวะมีบุตรยากรุนแรง หรือการรักษาอื่นๆ ไม่ได้ผล

สิ่งสำคัญคือ ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และรับคำแนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด อย่าลองผิดลองถูกเองเด็ดขาดนะจ๊ะ มันอาจจะทำให้อะไรๆ แย่ลงกว่าเดิมก็ได้

ฮอร์โมนไม่สมดุล กับ PCOS: เพื่อนสนิทที่ทำให้มีลูกยาก?

อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ PCOS เป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการมีบุตรยากที่เกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุล ผู้หญิงที่เป็น PCOS มักจะมีฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) สูงกว่าปกติ ซึ่งส่งผลต่อการตกไข่ ทำให้ไข่ไม่ตกหรือไม่ตกอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังอาจมีความผิดปกติของฮอร์โมนอื่นๆ เช่น Insulin Resistance (ภาวะดื้ออินซูลิน) ซึ่งยิ่งทำให้ปัญหาฮอร์โมนแย่ลงไปอีก

การวินิจฉัย PCOS มักอาศัยเกณฑ์ทางการแพทย์ที่เรียกว่า Rotterdam criteria ซึ่งต้องมีอย่างน้อย 2 ใน 3 ข้อต่อไปนี้:

  • ประจำเดือนมาผิดปกติ: เช่น มาน้อยกว่า 8 ครั้งต่อปี หรือประจำเดือนขาดนาน
  • มีลักษณะของฮอร์โมนเพศชายสูง: อาจเห็นได้จากสิวเยอะ ขนดกบนใบหน้า หน้าอก หรือตามแขนขา หรือผลเลือดพบฮอร์โมนเพศชายสูง
  • อัลตราซาวด์พบถุงน้ำรังไข่หลายใบ: รังไข่ข้างใดข้างหนึ่งมีถุงน้ำขนาดเล็ก (follicles) มากกว่า 12 ใบ และ/หรือรังไข่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ

การรักษา PCOS เพื่อเป้าหมายการมีบุตร ก็จะเน้นไปที่การปรับสมดุลฮอร์โมน การกระตุ้นการตกไข่ และการจัดการกับภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งอาจรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การใช้ยา Metformin หรือยาอื่นๆ เพื่อช่วยเรื่องการตกไข่ และหากจำเป็น ก็อาจพิจารณาการทำเด็กหลอดแก้ว

ไข่ไม่ตก เพราะฮอร์โมนรวน? มาดูกันว่ามีวิธีช่วยได้ไหม

การที่ไข่ไม่ตก (Anovulation) คือปัญหาหลักที่ทำให้มีบุตรยาก และบ่อยครั้งก็มีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนนั่นแหละจ้ะ ร่างกายเรามีกลไกที่ซับซ้อนในการทำให้ไข่เจริญเติบโตและตกจากรังไข่ในแต่ละเดือน ถ้าฮอร์โมน FSH หรือ LH ผิดปกติ หรือฮอร์โมนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมีปัญหา ก็อาจทำให้กระบวนการนี้หยุดชะงักได้

สาเหตุที่ทำให้ไข่ไม่ตก นอกจาก PCOS แล้ว ก็อาจมาจาก:

  • ภาวะความเครียด: ที่เราพูดถึงกันไปแล้ว
  • น้ำหนักตัว: ที่มากหรือน้อยเกินไป
  • โรคไทรอยด์: ทั้งภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) และต่ำเกิน (Hypothyroidism)
  • ภาวะ Prolactin สูง (Hyperprolactinemia): ฮอร์โมน Prolactin เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำนม ซึ่งหากสูงผิดปกติ ก็อาจยับยั้งการตกไข่ได้
  • การออกกำลังกายหนักเกินไป:
  • การหยุดใช้ยาคุมกำเนิด: ในบางราย อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว

การแก้ไขปัญหาไข่ไม่ตก ก็จะขึ้นอยู่กับสาเหตุ ถ้าสาเหตุมาจากความเครียด การปรับน้ำหนัก หรือการกิน ก็ต้องเริ่มที่การปรับพฤติกรรมเหล่านี้ก่อน แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น หรือสาเหตุซับซ้อนกว่านั้น แพทย์อาจพิจารณา:

  • ยา Clomiphene Citrate (Clomid): เป็นยาที่นิยมใช้เพื่อกระตุ้นการตกไข่
  • ยา Letrozole: เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้กระตุ้นการตกไข่
  • ยาฉีดฮอร์โมน: เช่น FSH หรือ LH ในกรณีที่ต้องการการกระตุ้นที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
  • การรักษาภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: เช่น ยาสำหรับโรคไทรอยด์ หรือยาเพื่อลดระดับ Prolactin

สิ่งสำคัญคือ การติดตามการตกไข่ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ หรือการวัดอุณหภูมิร่างกาย (BBT) ร่วมกับแพทย์ เพื่อประเมินผลการรักษาและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม

3 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับฮอร์โมนและการมีบุตร

ไหนๆ ก็เสียเวลาเข้ามาอ่านแล้ว เอาความรู้เพิ่มเติมไปสักหน่อยละกัน เผื่อจะทำให้คุณมองเรื่องนี้เปลี่ยนไปบ้าง:

  1. ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ไม่ได้มีแค่ในคนเป็นเบาหวาน: หลายครั้งภาวะนี้มักมาพร้อมกับ PCOS และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้น ส่งผลต่อการตกไข่ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกายจึงสำคัญมากในการจัดการภาวะนี้
  2. ฮอร์โมนไม่ได้มีแค่ในผู้หญิง: ผู้ชายเองก็มีฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ที่ส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิ และความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายก็สำคัญต่อการเจริญพันธุ์เช่นกัน
  3. สมุนไพรบางชนิดอาจช่วยได้ แต่ต้องระวัง: สมุนไพรบางชนิด เช่น Vitex Agnus-Castus (Chasteberry) หรือ Black Cohosh ถูกใช้เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมน แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้เสมอ เพราะอาจมีผลข้างเคียง หรือปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับฮอร์โมนไม่สมดุลและการมีบุตรยาก

Q1: ถ้าประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ จะมีลูกยากจริงไหม?

A1: เป็นไปได้สูงเลยจ้ะ เพราะประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ มักเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการตกไข่ของคุณอาจไม่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ หรือไม่เกิดขึ้นเลย ซึ่งการตกไข่คือหัวใจสำคัญของการตั้งครรภ์ ถ้าไม่มีไข่ให้ผสม ก็ไม่มีตัวอ่อนเกิดขึ้นได้น่ะสิคะ ดังนั้น ถ้าประจำเดือนมาผิดปกติ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาต่อไปนะจ๊ะ

Q2: การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเดียว เพียงพอสำหรับการรักษาภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลและการมีบุตรยากหรือไม่?

A2: มันก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของภาวะนั้นๆ น่ะสิคะ สำหรับบางคน การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการควบคุมน้ำหนัก ก็อาจเพียงพอที่จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน และทำให้การตกไข่กลับมาเป็นปกติได้ แต่สำหรับบางคนที่มีภาวะซับซ้อนกว่านั้น เช่น PCOS ที่รุนแรง หรือภาวะฮอร์โมนผิดปกติที่เกิดจากโรคอื่นๆ การปรับพฤติกรรมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ร่วมด้วยเสมอ การปรึกษาแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการประเมินสถานการณ์ของคุณ

Q3: ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าฮอร์โมนจะกลับมาสมดุลหลังจากเริ่มปรับพฤติกรรม?

A3: อันนี้ตอบยากเหมือนกันนะ เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน แถมสาเหตุของความไม่สมดุลก็ต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้ว หากคุณเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง คุณอาจจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้นก็ได้ การสังเกตรอบประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และการตรวจระดับฮอร์โมนกับแพทย์ จะช่วยให้คุณประเมินความคืบหน้าได้ ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่เห็นผล ก็อย่าเพิ่งหมดหวัง แต่ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษา หรือหาสาเหตุอื่นๆ เพิ่มเติม

Q4: มีวิธีตรวจเช็คภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลด้วยตัวเองไหม?

A4: การตรวจเช็คด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการแบบเป๊ะๆ อาจจะยังไม่มีนะจ๊ะ เพราะฮอร์โมนมันซับซ้อนมาก แต่คุณสามารถสังเกตอาการที่ร่างกายแสดงออกมาอย่างสม่ำเสมอ เช่น รอบประจำเดือนที่ผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณและเส้นผม อารมณ์แปรปรวน หรืออาการอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เหล่านี้คือสัญญาณเตือนที่ควรพาตัวเองไปพบแพทย์ การตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนต่างๆ ที่โรงพยาบาล เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการวินิจฉัยภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล อย่ามัวแต่เดาอาการตัวเองอยู่เลย ไปตรวจให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าเชื่อถือ (เผื่อคุณอยากรู้มากกว่านี้ แต่ขี้เกียจหาเอง)

  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ - ภาวะมีบุตรยาก: แหล่งข้อมูลจากโรงพยาบาลชั้นนำ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ การวินิจฉัย และแนวทางการรักษาภาวะมีบุตรยาก รวมถึงปัญหาฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.bumrungrad.com/th/health-hub/infertility

  • โรงพยาบาลสมิติเวช - ภาวะมีบุตรยาก: อีกหนึ่งโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีบทความที่อธิบายถึงสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก รวมถึงปัญหาฮอร์โมนต่างๆ และแนวทางการรักษาที่ทันสมัย ลองเข้าไปอ่านดูได้ที่ www.samitivej.co.th/th/health-advice/infertility



Preview Image
 

คู่มือเลือกโรงพยาบาลและคลินิกรักษามีบุตรยาก เทคโนโลยีและรีวิว

ค้นหาโรงพยาบาลและคลินิกรักษามีบุตรยากที่ดีที่สุด เรียนรู้หลักเกณฑ์การเลือก คำถามที่ควรถามแพทย์ และเปรียบเทียบเทคโนโลยีเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด

รักษามีบุตรยาก, คลินิกรักษามีบุตรยาก, โรงพยาบาลมีบุตรยาก, ทำเด็กหลอดแก้ว, IVF, ICSI, เลือกคลินิกมีบุตรยาก

ที่มา: https://infertility.com-thai.com/